ห้องแสดงภาพ วัตถุโบราณ และงานศิลปะ

วิลล่า มูเซ่

Villa Musee

“ จากความหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งยุคโคโลเนียล สู่ของสะสมอันทรงคุณค่า เพื่อพัฒนาสู่แหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต สำหรับคนรุ่นต่อไป ”

เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลในสยาม และบรรดาอาคารหลังต่าง ๆ ใน “วิลล่า มูเซ่” แห่งนี้ ที่ยังคงความงดงามข้ามกาลเวลา และพร้อมจะเปิดประตูต้อนรับผู้ที่หลงใหลในงานศิลปะ นักสะสมและนักเดินทางทุกท่านเข้าสู่พื้นที่ที่เข็มนาฬิกาจะเดินย้อนเวลาไปยังศตวรรษก่อน ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเขาใหญ่ ผืนป่าสำคัญของเมืองไทยและมรดกโลก

จากความสนใจในประวัติศาสตร์ของไทยและประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์สมัยรัชกาลที่ ๔-๕ ทางเจ้าของ วิลล่า มูเซ่ จึงได้เก็บรวบรวมของสะสมทรงคุณค่าแห่งยุคศตวรรษที่ ๑๙ ทั้งเครื่องเรือน ข้าวของเครื่องใช้ เอกสารสิ่งพิมพ์ทางประวัติศาสตร์ ศาสตราวุธ และภาพถ่ายเก่าล้ำค่า ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้ กอปรกับแนวคิดที่จะจัดแสดงของสะสมเหล่านี้ไว้ในสถานที่เหมาะสม เพื่อที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนรุ่นต่อไป

วิลล่า มูเซ่ เป็นสถานที่จัดกิจกรรมในบรรยากาศย้อนยุคสำหรับการจัดกิจกรรมพิเศษ การจัดนิทรรศการ งานแต่งงาน และเป็นสถานที่รองรับงานสำคัญอื่น ๆ รวมถึงเป็นที่พักสุดพิเศษ ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติแห่งเขาใหญ่ ผู้เข้าพักทุกท่านจะได้สัมผัส ใช้งานเครื่องเรือนโบราณที่ถูกคัดมาประดับตกแต่งอย่างประณีต โดยประยุกต์ให้สอดรับกับนวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบาย ความสะอาด ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพื่อมอบวันพักผ่อนอันทรงคุณค่า

Experience The Villa Musée

Villa Musee่
เรือนสัตยาธิปตัย

เรือนไทยหมู่ภาคกลางสีแดงชาด สถาปัตยกรรมไทยจากย่านฝั่งธนบุรีที่สืบทอดศิลปะการปรุงเรือนมาแต่ครั้งแผ่นดินอยุธยา เมื่อมองจากภายนอกเราจะเห็นหมู่เรือนไทยที่ตั้งตระหง่าน สระน้ำเกลือขนาดพอเหมาะที่เคียงคู่ศาลาเก๋งญวณ ชุดรับแขกไม้ประดับหินอ่อน เมื่อเข้าสู่ภายในจะพบกับห้องพักที่ประดับตกแต่งหลากวัฒนธรรมตามการบันทึกของนักเดินเรือชาวตะวันตก พ่อค้าวาณิช และศิลปินช่างถ่ายภาพที่เดินทางจากทั่วทุกสารทิศ เสมือนว่าได้ซ่อนโลกอีกใบไว้เพียงหลังบานประตู โดยหมู่ห้องพักนั้นจัดเป็น ๒ ชุด ตั้งตามชื่อบุคคลสำคัญในวงการถ่ายภาพยุคแรกของสยามประเทศ และจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางในแถบทะเลจีนใต้อีกชุดหนึ่ง

Villa Musee
เรือนสิงหฬสาคร

เรือนไทยแฝดฝาลายปะกนจากจังหวัดสุพรรณบุรีที่ได้ย้ายมาปรุงกลางเขาใหญ่แห่งนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะนี่คือวิถีชีวิตอันละมุนละไมเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติที่สะท้อนการออกแบบเรือนไทยมาทุกยุคทุกสมัย ภายในเรือนยังได้รับการออกแบบประยุกต์ภูมิปัญญาจากอดีตเข้ากันกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ด้วยการยกหลังคาสูงเพิ่มพื้นที่และความรู้สึกโล่งสบาย ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สักโบราณภายในเรือนแบ่งการใช้งานออกเป็นสัดส่วน ทั้งส่วนรับแขกที่ตกแต่งด้วยเครื่องลายคราม งานไม้แกะสลัก บนพรมทอมือซึ่งของทุกชิ้นล้วนเป็นงานฝีมือที่ผลิตอย่างตั้งใจ ทำให้เรือนหลังนี้กลายเป็นสวรรค์บนพื้นที่เล็กๆที่จะมอบความเป็นส่วนตัวที่สุด

Villa Musee
เรือนราชพงศา

เรือนไม้สถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยา ที่ปลูกสร้างมาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ตัวเรือน สัมผัสแรกที่ทุกคนจะได้รับคือความสงบร่มเย็น สบายตา เรียบง่ายทว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยพื้นกระดานไม้สักแผ่นใหญ่สะท้อนความมันวาวอวดโฉมลายไม้ที่ทอดยาวไปจรดศาลาท่าน้ำหลังงาม สู่สระน้ำขนาดใหญ่ เคียงข้างน้ำตกใสสะอาด เรือขุดลำยาวที่ทอดตัวอยู่เคียงข้างศาลาท่าน้ำ พร้อมมวลหมู่ปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ภายใต้น้ำใสสะอาด เสียงน้ำตกที่ไหลเอื่อย ๆ แผ่วเบา ข้าวของเครื่องใช้ภายนอกบ้าน ทั้งชุดโต๊ะไม้รับแขกอย่างจีน เครื่องลายครามชุดย่อม แสดงถึงวิถีชีวิตเรียบง่าย สบาย ๆ ของผู้คนในยุคนั้น

เรือนประเสนชิต

เรือนไม้สักทองทรงปั้นหยาสีเขียวไข่กาที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางหมู่มวลเรือนไทยของ วิลล่า มูเซ่ เป็นหนึ่งในอาคารหลักของสถานที่แห่งนี้ ด้วยรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม การตกแต่งและออกแบบเรือนอย่างงดงามลงตัว ทั้งลวดลายไม้ฉลุรอบตัวอาคารจากพื้นจรดเพดาน สะท้อนถึงเรือนไม้ที่มีพัฒนาการสุงสุดของยุคปลายรัชกาลที่ ๕ ถึงต้นรัชกาลที่ ๖ สมศักดิ์ศรีรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เรือนปั้นหยาหลังงามหลังนี้ได้รับการชะลอจากย่านสี่พระยา กรุงเทพมหานคร มาตั้งตระหง่านท่ามกลางความงามของพรรณพฤกษานานาชนิดของเขาใหญ่ นอกจากความงามภายนอกที่โดดเด่นแล้ว ภายในยังใช้เป็นสถานที่เก็บรักษามรดกล้ำค่าที่ผ่านกาลเวลาจนประเมินค่ามิได้ จนทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วิลล่า มูเซ่” เพราะอาคารหลังนี้คือส่วนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่เจ้าของสถานที่ตั้งใจให้เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตเรือนที่อยู่อาศัยของขุนนางไทยในอดีต ยุคที่ชาวสยามกลุ่มแรก ๆ สำเร็จการศึกษาจากยุโรปพร้อมนำวิทยาการความรู้จากต่างแดนมาเข้ารับราชการ จนพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์สยามประเทศและมีส่วนร่วมในการ “ปฏิรูปสยาม” ครั้งใหญ่ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา

เรือนประเสนชิตแห่งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานทรงคุณค่าที่ วิลล่า มูเซ่ ภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต่อยอดจากชุดของสะสม พัฒนามาสู่พิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคลที่มีชีวิต จนเกิดเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้สนใจทุกท่าน เรือนประเสนชิตเปิดให้เข้าชมทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ ๓ รอบ นำชมเวลา ๑๑.๐๐ / ๑๔.๐๐ และ ๑๖.๐๐ น. รอบละไม่เกิน ๘ ท่าน โดยนัดหมายเข้าชมล่วงหน้า